เคล็ดลับ

สิว (Acne vulgaris) เป็นโรคของต่อมไขมันที่รูขุมขน มักพบได้บ่อยช่วงวัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้น มีทั้งชนิดสิวอักเสบและไม่อักเสบ ซึ่งพบมากบริเวณใบหน้า อก และหลัง มีปัจจัยกระตุ้นหลายอย่างอาทิเช่น กรรมพันธุ์,  ฮอร์โมน, การสูบบุหรี่ และอาหารจำพวกถั่ว, โคล่า, นม, ชีส และอาหารที่ทอดมัน ร่วมกับการอุดตันของต่อมไขมันและขุมขน เกิดเป็นสิวอุดตัน(comedone) และต่อมาอาจเกิดเป็นสิวอักเสบขึ้นโดยเชื้อแบคทีเรียที่สำคัญก็คือ P. acnes ส่งผลให้ใบหน้าไม่เรียบเนียน

วิธีปฏิบัติตัวเพื่อควบคุมสิวก็คือ การรักษาความสะอาดผิวหน้าที่เหมาะสม, ไม่ควรแกะหรือบีบสิวเพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น นอกจากนั้นควรเลี่ยงปัจจัยต่างๆที่กระตุ้นให้เกิดสิว ส่วนในกรณีที่เป็นสิวมากขึ้นและควบคุมไม่ได้ก็ควรมาพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เพื่อรับการตรวจรักษาอย่างถูกต้อง ซึ่งอาจมียาทารักษา หรือมียารับประทานในกรณีที่จำเป็น ทั้งนี้จะทำให้เราควบคุมสิวได้ดีขึ้นและหลีกเลี่ยงการเกิดผลข้างเคียงของสิว เช่น การเกิดรอยดำรอย แผลเป็น หรือหลุมแผลเป็นซึ่งอาจจะบั่นทอนบุคลิกภาพและอาจทำลายความมั่นใจ

นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีที่สามารถรักษาสิวและรอยแดงสิว อาทิเช่น Kedi-Bright, Kedi-Extrawhite, Kedi-Oxyjet, Acne Away Mask และ Gentle Revitalized Peel สำหรับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว ควรรักษาด้วย Kedi-Smooth, Kedi-Luminous, Kedi-Diamond, Kedi-Oxyjet, Gentle Revitalized Peel เพียงเท่านี้ปัญหาสิวก็เป็นเพียงเรื่องเล็กๆที่ไม่น่ากังวลอีกต่อไป

ในภาวะปัจจุบัน อาหารและชีวิตการทำงานที่เร่งรีบทำให้เราพบกับรูปร่างอันไม่พึงประสงค์ ซึ่งมักเกิดจากการก่อตัวของไขมันเฉพาะจุด  การสลายไขมันด้วยวิธีทางธรรมชาติ เช่น การควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย มีส่วนช่วยให้คุณมีรูปร่างสมส่วน แต่อาจมีข้อจำกัดได้

เนื่องจากความอ้วนยังมีผลมาจากพันธุกรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจแก้ไขได้ยาก

บอกลาปัญหาเซลลูไลต์และปัญหาผิวเปลือกส้มได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญไม่เจ็บ ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้น ด้วย Kedi-Lipofocus ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชั้นสูงที่ได้รับการยอมรับจาก USFDA ในการเร่งเผาผลาญไขมันและลดเซลลูไลท์อย่างได้ผลสูงสุด รวม 4 เทคโนโลยีใน 1 เดียวได้แก่ Radiofrequency, Infrared, Suction และ Rollers ที่ช่วยลดเซลลูไลท์และสลายไขมันชั้นลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ส่งผลให้ผิวเรียบเนียนกระชับไม่หย่อนคล้อยแลดูมีสุขภาพดีได้อย่างชัดเจนภายในครั้งแรกที่เข้ารับบริการ หากทำต่อเนื่องและสม่ำเสมออย่างน้อย 4-5 ครั้งจะสามารถสลายไขมันและกระชับสัดส่วนรอบเอวได้มากถึง 6 เซนติเมตร และรอบต้นขาได้มากถึง 2 เซนติเมตร นอกจากนี้ยังมี Kedi-Body Tite และ Kedi-Contour เป็นนวัตกรรมผสมผสานระหว่าง Radiofrequency Heating และ Vacuum Massage ส่งพลังงานความร้อนที่เหมาะสมลงไปทำลายเฉพาะเจาะจงกับเซลล์ไขมัน มีผลให้อณูไขมันแตกตัวและถูกกำจัดออกจากร่างกายผ่านทางระบบขับของเสีย โดยไม่ทำอันตรายต่อผิวหนังด้านบน

ฝ้า(Melasma) เกิดจากการเพิ่มจำนวนเม็ดสีมากขึ้นผิดปกติของผิวหนังบริเวณที่ถูกแสงแดด พบบ่อยในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยพบมากในวัยกลางคน ฝ้าเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ได้แก่ แสงแดดซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด, ฮอร์โมนเช่น ในระหว่างตั้งครรภ์ การรับประทานยาคุมกำเนิดหรือฮอร์โมนทดแทน, ยารับประทานบางชนิดที่ทำให้ไวต่อแสง เช่น ยากันชัก, การแพ้ส่วนผสมในเครื่องสำอาง, พันธุกรรม และความเครียด สามารถกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้ ลักษณะที่เห็นเป็นปื้นสีน้ำตาล ขอบค่อนข้างชัด มักเกิดที่บริเวณแก้ม หน้าผาก จมูก เหนือริมฝีปากบน คาง และเหนือคิ้ว อาจลามไปบริเวณคอ แขนด้านนอก และบริเวณที่ถูกแสงแดดได้ รอยโรคเกิดขึ้นช้า ๆ และมักเป็นเหมือนกันทั้งสองข้างของใบหน้า ฝ้าแบ่งออกได้ 3 ชนิด คือ ฝ้าชนิดตื้น, ฝ้าชนิดลึก และฝ้าชนิดผสมทั้งตื้นและลึก

กระ(Freckles) จะมีลักษณะเป็นจุดราบสีน้ำตาลอ่อนขนาด 1-5 mm. มักเป็นบริเวณใบหน้าหรือส่วนที่โดนแสงบ่อยๆ
เกิดจากการผลิตเม็ดสีมากกว่าปกติ มักพบในเด็กและวัยรุ่นที่มีสีผิวค่อนข้างขาว อาจมีการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ กระนี้จะมีสีเข้มขึ้นและเห็นชัดเจนถ้าไปโดนแดด และจะจางลงเมื่อไม่โดนแดด

การรักษาฝ้าและกระ

ทั้งฝ้าและกระรักษาให้หายขาดได้ยาก มักเป็นๆหายๆและกลับเป็นซ้ำได้บ่อย การรักษาฝ้าขึ้นอยู่กับสาเหตุและชนิดของฝ้า ฝ้าที่เกิดจากการรับประทานยาคุมกำเนิด หรือยากันชักถ้าหยุดยาฝ้าจะค่อยๆ จางหายไป เช่นเดียวกับฝ้าที่เกิดระหว่างการตั้งครรภ์ แต่ผู้ป่วยบางรายอาจหายไม่หมดเนื่องจากยังมีปัจจัยอื่นที่ทำให้เกิดฝ้าดังที่กล่าวแล้ว นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับชนิดของฝ้า คือ ฝ้าชนิดลึกและฝ้าชนิดผสมทั้งตื้นและลึกจะรักษายากกว่าฝ้าชนิดตื้น

วิธีการรักษาฝ้าและกระในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี ได้แก่ การกำจัดสาเหตุหรือปัจจัยกระตุ้นให้เกิดฝ้าและกระ, การหลีกเลี่ยงแสงแดด โดยเฉพาะในช่วงเวลา 10.00ถึง14.00 น. รวมไปถึงแสงไฟ และความร้อนจากเตา, ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF > 30 และกันได้ทั้ง UVA และ UVB จะทำให้ลดการกระตุ้นการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีจากแสงแดด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ฝ้าและกระหายเร็วขึ้นและไม่กลับเป็นซ้ำอีก, ยาทาและยารับประทานลดการสร้างเม็ดสี

นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีเพื่อรักษาฝ้าและกระได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งได้แก่ Kedi-Bright, Kedi-Extrawhite, Kedi-Oxyjet, Kedi-Diamond, Waking Bright Golden Mask, Extra Brightening Mask และ Gentle Revitalized Peel  ด้วยวิธีเหล่านี้สามารถลดเลือนรอยฝ้าและกระ รวมทั้งช่วยให้ใบหน้าแลดูกระจ่างใส

เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นปัญหาสุขภาพผิวที่เห็นได้ชัดมากที่สุดคือ เรื่องของริ้วรอยและร่องลึกต่าง ๆ ที่เกิดบนใบหน้า สาเหตุหลักของปัญหาคือ ความเสื่อมชราของเซลล์ และปริมาณการผลิตเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินที่น้อยลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการได้รับสารพิษต่าง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น อนุมูลอิสระ ควันรถยนต์ ควันบุหรี่ แสงแดด การรับประทานอาหารที่ไม่เพียงพอ และความเครียด ทำให้ปัญหาเรื่องของการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรเกิดขึ้นเร็วผิดปกติ ดังนั้นหากต้องการลดเลือนริ้วรอย การดูแลตั้งแต่วัยเยาว์จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น

ส่วนวิธีแก้ไขที่สำคัญคือ การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ส่งผลให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย เช่น การสูบบุหรี่จัดก่อให้เกิดอนุมูลอิสระซึ่งเป็นตัวการทำลายคอลลาเจน,การที่น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อยและไม่กระชับ,ความเครียดทำให้เกิดรอยย่นที่หน้าผากและหว่างคิ้ว นอกจากนี้ แสงแดดยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำลายคอลลาเจน ฉะนั้นการหลีกเลี่ยงแสงแดดและหมั่นทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF>30 ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมไปถึงการบริโภคสาร Antioxidants ช่วยลดอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินอี แอสตราแซนทีน กลูตาไทโอน เป็นต้น มีความสำคัญต่อการต่อต้านริ้วรอยและร่องลึก

อีกวิธีคือการใช้ผลิตภัณฑ์ฟื้นบำรุงอันล้ำลึกถึงระดับเซลล์ผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อันได้แก่ Kedi Revital Serum, Kedi Eye Rejuvenate หรือใช้นวัตกรรมทางการแพทย์ เช่น Kedi-Ultherapy Lift, Botulinum Toxin Injection, Filler, Kedi-Smooth, Kedi-Lift, Kedi-Luminous, Kedi-Bright, Kedi-Extrawhite, Kedi-Oxyjet, Kedi-Diamond, Waking Bright Golden Mask, Gentle Revitalized Peel ทั้งนี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม